อันตรายจากสายชาร์จปลอม รู้ไว้ไม่เสียหายก่อนเสียเงินเยอะ
สายชาร์จเส้นเก่าพังอีกแล้ว! "อยากได้สายสำรองถูกๆ ไว้ที่ทำงาน" เชื่อว่าหลายคนคงเคยมีความคิดแบบนี้ แล้วก็อาจจะไปจบที่สายชาร์จราคา "ถูกแสนถูก" ที่วางขายตามตลาดนัด หรือร้านค้าออนไลน์ที่ไม่น่าเชื่อถือ ด้วยความคิดที่ว่า "ก็แค่สายชาร์จเอง ใช้ๆ ไปเถอะ ไม่น่ามีอะไร
แต่เดี๋ยวก่อนครับ! ในฐานะ คนที่คลุกคลีกับอุปกรณ์เสริมมือถือ และเห็นปัญหาจากของที่ไม่ได้มาตรฐานมาเยอะ ขอบอกดังๆ เลยว่า ไอ้เจ้า "สายชาร์จปลอม" หรือ "สายชาร์จราคาถูกคุณภาพต่ำ" เนี่ย มันอันตรายกว่าที่เราคิดเยอะมาก! มันไม่ใช่แค่เรื่องชาร์จช้า หรือพังง่าย แต่ อาจจะทำลายมือถือราคาแพงของเรา หรือร้ายแรงถึงขั้นก่อให้เกิดไฟไหม้ได้เลยนะ!
บทความนี้จะมา "ตีแผ่" อันตรายที่ซ่อนอยู่ในสายชาร์จปลอมแบบง่ายที่สุด สไตล์เพื่อนเตือนเพื่อน ให้คุณ รู้ทัน ไม่ตกเป็นเหยื่อ และเลือกใช้สายชาร์จได้อย่างปลอดภัย ครับ
"สายชาร์จปลอม" มันต่างจาก "ของแท้/ของดี" ยังไง?
ทำไมสายปลอมถึงถูกกว่าเยอะ? เพราะมัน "ลดต้นทุน" ทุกอย่างครับ!
1.วัสดุ "ก๊องแก๊ง":
- สายไฟข้างใน: ของปลอมมักใช้เส้นลวดทองแดงที่เล็กกว่า ไม่บริสุทธิ์ หรือบางทีก็เป็น "อลูมิเนียมชุบทองแดง" ซึ่งนำไฟฟ้าได้ไม่ดีเท่า และร้อนง่ายกว่า
- ฉนวนหุ้ม: ใช้พลาสติก/ยางคุณภาพต่ำ เปราะบาง ขาดง่าย ไม่ทนความร้อน
- หัวต่อ: วัสดุไม่ดี ประกอบไม่แน่น เสียบแล้วหลวม หรือพังเร็ว
2."ไม่มี" หรือ "ใส่มาหลอกๆ" ชิปควบคุมอัจฉริยะ:
- สายแท้/สาย MFi (สำหรับ iPhone): จะมีชิปเล็กๆ (E-Marker Chip สำหรับสาย Type-C PD วัตต์สูง) คอย "คุย" กับมือถือและหัวชาร์จ เพื่อควบคุมการจ่ายไฟให้เหมาะสม ปลอดภัย และรองรับชาร์จเร็วได้เต็มที่
- สายปลอม: ไม่มีชิปนี้! หรือถ้ามีก็เป็นชิปปลอมๆ ที่ทำงานไม่ได้จริง ทำให้การจ่ายไฟไม่เสถียร และไม่สามารถสื่อสารกับระบบชาร์จเร็วของมือถือได้
3."ไม่มี" มาตรฐานความปลอดภัย:
ไม่ผ่านการทดสอบความปลอดภัยใดๆ ไม่มีระบบป้องกันไฟเกิน ไฟกระชาก หรือไฟฟ้าลัดวงจรที่ดีพอ
อันตราย "สุดสยอง" จากสายชาร์จปลอม
การใช้สายชาร์จปลอมหรือคุณภาพต่ำ มันเหมือนเล่นกับไฟครับ นี่คือสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้:
1.ทำลาย "แบตเตอรี่" มือถือสุดที่รัก:
จ่ายไฟไม่นิ่ง: ไฟอาจจะกระชาก หรือจ่ายไฟอ่อนไป/แรงไป ทำให้แบตเตอรี่ "เครียด" ร้อนจัด และ "เสื่อมสภาพเร็ว" กว่าปกติมากๆ จากที่เคยใช้ได้ทั้งวัน อาจจะเหลือครึ่งวัน แบตบวม: กรณีร้ายแรง การจ่ายไฟที่ผิดพลาดอาจทำให้แบตเตอรี่บวม ซึ่งอันตรายมาก!
2.พอร์ตชาร์จ "พัง" ต้องเสียเงินซ่อมแพง:
หัวต่อที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจจะคับไป/หลวมไป ทำให้ รูชาร์จที่ตัวมือถือเสียหาย หรือพิน (Pin) ข้างในหัก/งอได้ งานนี้ซ่อมทีเรื่องใหญ่เลยนะ
3. เสี่ยง "ไฟฟ้าลัดวงจร" และ "ไฟไหม้"!!!
(น่ากลัวที่สุด!) สายไฟคุณภาพต่ำ + ฉนวนห่วย + ไม่มีระบบป้องกันที่ดีพอ เมื่อใช้งานไปเรื่อยๆ หรือเสียบชาร์จทิ้งไว้ โดยเฉพาะกับหัวชาร์จที่จ่ายไฟแรงๆ อาจจะเกิดความร้อนสูงจัดจนสายละลาย ลัดวงจร และลุกเป็นไฟได้! อันตรายถึงชีวิตและทรัพย์สินนะครับ!
4.ชาร์จ "โคตรช้า" ไม่เต็มซะที:
เพราะสายนำไฟฟ้าได้ไม่ดีพอ หรือไม่มีชิปรองรับชาร์จเร็ว ทำให้เสียเวลาชาร์จนานกว่าปกติเยอะมาก
5.ถ่ายโอนข้อมูล "ไม่ได้" หรือ "ช้ามาก
สายปลอมบางเส้น "ตัด" ความสามารถในการโอนข้อมูลออกไปเลย เหลือไว้แค่ชาร์จไฟ (แบบช้าๆ) หรือถ้าโอนได้ก็ช้าสุดๆ
6.ขึ้นแจ้งเตือน "อุปกรณ์เสริมนี้อาจไม่รองรับ" (สำหรับ iPhone):
ถ้าใช้สาย Lightning ปลอมที่ไม่มีชิป MFi หรือชิปปลอม ไอโฟนมันฉลาดพอจะตรวจเจอ แล้วก็จะไม่ยอมให้ชาร์จ หรือขึ้นแจ้งเตือนน่ารำคาญ
วิธีสังเกต "สายชาร์จปลอม" เบื้องต้น
แม้ของปลอมบางเกรดจะทำได้เนียนมาก แต่ก็พอจะมีจุดให้สังเกตครับ:
ราคาถูกเว่อร์: ถ้าเจอสายชาร์จแบรนด์ดัง (โดยเฉพาะ Apple) ขายในราคาถูกกว่าปกติมากๆ (เช่น ลด 70-90%) ให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่า "ปลอมชัวร์!"
วัสดุและงานประกอบ: จับดูแล้วก๊องแก๊ง, พลาสติกดูเปราะบาง, หัวต่อไม่แน่นหนา, สายแข็งหรือนิ่มผิดปกติ, งานพิมพ์บนสาย/หัวไม่คมชัด
ไม่มีโลโก้ MFi (สำหรับสาย iPhone): สาย Lightning ที่ได้มาตรฐานต้องมีโลโก้ "Made for iPhone/iPad/iPod" บนกล่อง (แต่ของปลอมก็ทำโลโก้ปลอมได้นะ ต้องดูอย่างอื่นประกอบ)
น้ำหนัก: สายปลอมมักจะเบากว่าของแท้ เพราะลดคุณภาพวัสดุภายใน
ซื้อจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ: ตลาดนัด, ร้านค้าออนไลน์โนเนม, หรือร้านที่ขายของถูกผิดปกติ
แล้วจะเลือกซื้อสายชาร์จยังไงให้ "ปลอดภัย" และ "คุ้มค่า"?
1.ดีที่สุด: "ของแท้" จากผู้ผลิตมือถือโดยตรง:
มั่นใจได้ 100% เรื่องคุณภาพ ความปลอดภัย และความเข้ากันได้ (เช่น สาย Apple แท้, สาย Samsung แท้)
2.ทางเลือกที่ดี: "แบรนด์อุปกรณ์เสริมที่น่าเชื่อถือ" และ "ได้มาตรฐาน":
- เลือกแบรนด์ที่มีชื่อเสียงด้านคุณภาพและความปลอดภัย (เช่น ZMI,CUKTECH ฯลฯ)
- สำหรับ iPhone: ต้องมี "MFi Certified" เท่านั้น!
- สำหรับ Android (โดยเฉพาะชาร์จเร็ว): ดูว่ารองรับมาตรฐานชาร์จเร็วของมือถือเราไหม (PD, QC, หรือ VOOC/SuperVOOC ที่ต้องใช้สายเฉพาะของแบรนด์นั้นๆ) และรองรับกำลังไฟ (W) / กระแส (A) ได้เพียงพอ
(ถ้าเป็นไปได้) มองหาสายที่มีรีวิวดีๆ จากผู้ใช้งานจริง
3.ซื้อจาก "ร้านค้าที่ไว้ใจได้":
ร้าน Official ของแบรนด์, ตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาต, หรือร้านค้าไอที/เครื่องเสียงขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียง
บทสรุป: "สายชาร์จ" เรื่องเล็กๆ ที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อความปลอดภัยของ "คุณ" และ "มือถือสุดรัก"
การประหยัดเงินด้วยการซื้อสายชาร์จปลอมหรือราคาถูกคุณภาพต่ำ อาจจะดูเหมือน "คุ้ม" ในตอนแรก แต่ มันคือการเอา "ความปลอดภัย" ของทั้งตัวคุณเองและมือถือราคาแพงของคุณไปเสี่ยงโดยไม่จำเป็นเลยครับ!
ลงทุนกับ "สายชาร์จที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน" อาจจะจ่ายแพงกว่านิดหน่อย แต่คุณจะได้ทั้ง ความเร็วในการชาร์จเต็มประสิทธิภาพ, ความทนทานที่ใช้งานได้นานกว่า, และที่สำคัญที่สุดคือ "ความปลอดภัย" ที่ประเมินค่าไม่ได้ เพื่อให้คุณใช้งานแกดเจ็ตคู่ใจได้อย่างสบายใจไร้กังวลครับ! อย่าให้ "ของถูก" มาทำลาย "ของแพง" ของเราเลยนะครับเพื่อนๆ