แชร์

มือถือเปียกน้ำมา...เสียบชาร์จเลยได้ไหม?

อัพเดทล่าสุด: 14 มิ.ย. 2025
21 ผู้เข้าชม
"ว๊ายยย! มือถือตกน้ำ!" ไม่ว่าจะตกอ่างล้างหน้า, แก้วน้ำ, สระว่ายน้ำ, หรือที่พีคสุด...โถส้วม! หรือแค่โดนฝนสาดกระหน่ำจนเปียกโชก... เชื่อว่านี่คือสถานการณ์สุดช็อกที่ทำเอาใจหายวาบและสติแตกกันได้ง่ายๆ เลยใช่ไหมครับ?

และสัญชาตญาณแรกของหลายคนก็คือ "ต้องรีบเช็ดๆ แล้วเสียบชาร์จเลยดีกว่า เผื่อแบตหมดแล้วจะเปิดไม่ติด!"... หยุด! หยุดความคิดนั้นเดี๋ยวนี้เลยครับ! นั่นคือสิ่งที่ "ห้ามทำเด็ดขาด!" และอาจจะเป็นการ "ส่งน้องไอโฟน/แอนดรอยด์ไปสู่สุคติ" เร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว!

ในฐานะ คนที่เคยผ่านประสบการณ์กู้ชีพ Gadget เปียกน้ำมาบ้าง  และเข้าใจว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ วันนี้เราจะมาเป็น "เพื่อนซี้" บอกคุณแบบชัดๆ ตรงไปตรงมาเลยว่า เมื่อมือถือเปียกน้ำ ต้องทำยังไง? และทำไมการรีบเสียบชาร์จถึงเป็นความคิดที่ผิดมหันต์!

ทำไมถึง "ห้าม" เสียบชาร์จมือถือเปียกน้ำทันที? (เบื้องหลังความพังพินาศ)

จำกฎง่ายๆ นี้ไว้เลยครับ: น้ำ + ไฟฟ้า = หายนะ!

1."ช็อต" สถานเดียว!:
น้ำเป็นสื่อไฟฟ้าชั้นดีเลยครับ ถึงแม้จะเป็นน้ำเปล่าก็ตาม การที่เราเสียบสายชาร์จเพื่อส่ง "กระแสไฟฟ้า" เข้าไปในเครื่องที่ "แผงวงจรข้างในยังชื้นอยู่" ก็เหมือนเราจงใจทำให้มัน "ลัดวงจร" หรือ "ช็อต" นั่นแหละครับ! ชิปต่างๆ ที่บอบบางบนเมนบอร์ดอาจจะพังพินาศได้ในพริบตา

2."สนิม" ถามหา:
ไฟฟ้าจะไปเร่งปฏิกิริยาเคมีที่เรียกว่า "อิเล็กโทรลิซิส" (Electrolysis) ทำให้น้ำ "กัดกร่อน" แผงวงจรและขั้วโลหะต่างๆ ได้ เร็วขึ้นและรุนแรงขึ้นมาก! จากที่อาจจะแค่ชื้นๆ กลายเป็นสนิมเขรอะในเวลาอันสั้น ความเสียหายแบบนี้มักจะ "ซ่อมไม่ได้" หรือซ่อมแพงมากครับ

(เปรียบเทียบง่ายๆ: มันเหมือนเราเอาน้ำราดลงบนเมนบอร์ดคอมพิวเตอร์ที่กำลังเปิดอยู่...พังแน่นอน! ไม่ต้องสืบ!)

"ปฏิบัติการกู้ชีพมือถือเปียกน้ำ" (สเต็ปที่ควรทำ "ทันที" ไม่ต้องรอ!)

เมื่อเกิดเหตุแล้ว ตั้งสติ! แล้วทำตามนี้ให้เร็วที่สุดครับ:

1.รีบ "เอาขึ้น" จากน้ำให้ไวที่สุด!

ยิ่งแช่นาน น้ำยิ่งมีโอกาสซึมเข้าไปข้างในลึกขึ้น วินาทีนี้ไม่ต้องคิดเยอะ คว้าขึ้นมาก่อนเลย!

2."ปิดเครื่อง" ทันที! (สำคัญมาก!)

ถ้าเครื่องยังเปิดอยู่ ให้ "รีบกดปิดเครื่อง ทันที! ถ้ามันดับไปเองแล้ว ก็ "อย่า" พยายามเปิดมันขึ้นมาใหม่

การตัดกระแสไฟในเครื่องคือการลดความเสี่ยงการลัดวงจรได้ดีที่สุด

3.ถอด "ทุกอย่าง" ที่ถอดได้ 

ถอดเคส, ดึงถาดซิมการ์ด (SIM Tray) ออก, ถอดเมมโมรี่การ์ด (ถ้ามี) การทำแบบนี้จะช่วยเปิดช่องให้อากาศเข้าไปไล่ความชื้นได้ดีขึ้น

4."ซับ" น้ำภายนอก 

ใช้ ผ้าแห้งที่สะอาดและนุ่ม (เช่น ผ้าไมโครไฟเบอร์ดีที่สุด) หรือกระดาษทิชชูหนาๆ ค่อยๆ "ซับ" น้ำตามพื้นผิวภายนอกให้แห้งที่สุด
เน้น "ซับ" นะครับ ไม่ใช่ "ถู" แรงๆ โดยเฉพาะรอบๆ พอร์ตชาร์จ, รูลำโพง, และปุ่มต่างๆ

5."ไล่น้ำ" ออกจากพอร์ตเบาๆ

ค่อยๆ เอามือถือด้านที่มีพอร์ตชาร์จคว่ำลง แล้ว "เคาะเบาๆ" กับฝ่ามือของเรา เพื่อให้น้ำที่อาจจะขังอยู่ในรูมันไหลออกมาตามแรงโน้มถ่วง

6."ผึ่งลม" คือวิธีที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด! 

วางมือถือใน ที่แห้งและมีอากาศถ่ายเทสะดวก

ดีที่สุดคือวางไว้ "หน้าพัดลม" (ที่เปิดลมเย็นธรรมดา) จะช่วยเร่งการระเหยของความชื้นได้ดีมาก

ต้องทิ้งไว้นานแค่ไหน? คำตอบคือ "นานที่สุดเท่าที่จะทำได้" แนะนำว่า อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง หรือ 1-2 วันเต็มๆ! ใช่ครับ! อ่านไม่ผิด! ต้องอดทนใจแข็งเข้าไว้ ความชื้นข้างในมันออกช้ากว่าที่เราคิดเยอะ

"ความเชื่อผิดๆ" ที่อาจทำมือถือ "พังหนักกว่าเดิม"!

การ "แช่ถังข้าวสาร":

ทำไมไม่ควรทำ?: "ฝุ่นแป้งจากข้าวสาร" เม็ดเล็กๆ จะเข้าไป อุดตันในรูชาร์จ, รูลำโพง, รูไมโครโฟน หนักกว่าเดิมอีก! แถมความสามารถในการดูดความชื้นของข้าวสารก็ไม่ได้ดีขนาดนั้น ผู้เชี่ยวชาญและแม้แต่ Apple เองก็ไม่แนะนำวิธีนี้แล้วครับ!

การใช้ "ไดร์เป่าผมลมร้อน" เป่า:

ห้ามเด็ดขาด! ความร้อนสูงๆ จะไป ทำลายซีลยางกันน้ำ, ทำให้หน้าจอเสียหาย, และอาจจะ "ดัน" ความชื้นให้ซึมลึกเข้าไปในเครื่องกว่าเดิม!

การเอาไป "ตากแดดจัดๆ":

เหตุผลเดียวกับไดร์เป่าผมเลยครับ ความร้อนทำลายเครื่อง!

การ "เขย่า" เครื่องแรงๆ:

อาจจะทำให้น้ำที่ขังอยู่จุดเดียว กระจายไปทั่วแผงวงจรข้างใน ทีนี้ล่ะงานเข้าของจริง!

แล้วเมื่อไหร่ถึงจะลอง "เสียบชาร์จ" ได้อีกครั้ง?

หลังจากที่คุณ "ผึ่งลม" จนมั่นใจว่าแห้งสนิทจริงๆ แล้ว (อย่างน้อย 48 ชั่วโมงขึ้นไป)

มือถือรุ่นใหม่ๆ ฉลาดนะ: iPhone (ตั้งแต่ XS/XR) และ Android หลายรุ่น มี ระบบตรวจจับความชื้น ถ้าคุณเสียบสายชาร์จเข้าไปตอนที่พอร์ตยังชื้นอยู่ มันจะ ขึ้นแจ้งเตือนบนหน้าจอ และ "ไม่ยอมให้ชาร์จ" เพื่อความปลอดภัย ถ้าเครื่องยังเตือนอยู่ ก็อย่าไปฝืนมันครับ! เอาไปผึ่งต่อ!

การชาร์จครั้งแรกหลังฟื้นคืนชีพ:

ใช้ "สายและหัวชาร์จของแท้ หรือที่ได้มาตรฐาน" เท่านั้น

เสียบสายชาร์จ แล้ว "สังเกตอาการ" อย่างใกล้ชิด

เครื่องร้อนผิดปกติไหม? มีกลิ่นแปลกๆ หรือเสียงผิดปกติไหม? ถ้ามี ให้ถอดออกทันที!

ถ้า "ไม่รอด"...ทำยังไงต่อ?

ถ้าทำทุกอย่างแล้วน้องมือถือยังนิ่งสนิท เปิดไม่ติด หรือทำงานผิดปกติ แสดงว่าน้ำอาจจะสร้างความเสียหายภายในไปแล้ว:

ถึงเวลาหาหมอครับ! นำเครื่องไปให้ ศูนย์บริการของแบรนด์นั้นๆ (เช่น Apple Store/AASP) หรือร้านซ่อมมือถือที่น่าเชื่อถือและเชี่ยวชาญ ตรวจเช็ค
ต้อง "บอกความจริง" กับช่าง: บอกเขาไปเลยว่าเครื่องตกน้ำมา เขาจะได้วินิจฉัยได้ถูกต้อง

บทสรุป: "ใจเย็น + เวลา" คือกุญแจกู้ชีพมือถือเปียกน้ำ!

อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอครับ แต่ถ้ามือถือของคุณเปียกน้ำ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ "สติ" และ "ทำตามขั้นตอนที่ถูกต้อง"

จำให้ขึ้นใจเลยว่า "ห้าม! ห้าม! ห้าม! รีบเสียบชาร์จเด็ดขาด!" ให้ ปิดเครื่อง, ซับให้แห้ง, แล้วผึ่งลมให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ความอดทนของคุณในตอนนี้ คือโอกาสรอดของมือถือสุดที่รักของคุณ การรีบร้อนเสียบชาร์จ คือวิธีที่เร็วที่สุดในการเปลี่ยนมือถือที่อาจจะยังกู้ได้ ให้กลายเป็นที่ทับกระดาษราคาแพงครับ!

 

บทความที่เกี่ยวข้อง
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ