แชร์

ไอโฟนชาร์จไม่เข้ามีวิธีแก้ไขเบื้องต้นตามนี้

อัพเดทล่าสุด: 16 พ.ค. 2025
17 ผู้เข้าชม

"เฮ้ย! ไอโฟนชาร์จไม่เข้า!" "เสียบสายชาร์จทิ้งไว้ทั้งคืน ตื่นมาแบตเท่าเดิม...งานงอกแล้ว!" จากประสบการณ์ตรง ของคนใช้ iPhone เชื่อว่าหลายคนต้องเคยเจอโมเมนต์ใจหายใจคว่ำแบบนี้ ยิ่งถ้าแบตใกล้หมดเกลี้ยงแล้วต้องรีบใช้เครื่อง ยิ่งหัวเสียเข้าไปใหญ่!

แต่เดี๋ยวก่อน! อย่าเพิ่งตกใจคิดว่าไอโฟนสุดรักของเราจะพัง หรือรีบวิ่งไปร้านซ่อมเสมอไปนะครับ ในฐานะ คนที่คลุกคลีกับปัญหาจุกจิกของ iPhone มานักต่อนัก ขอบอกเลยว่า อาการ "ชาร์จไม่เข้า" หรือ "ชาร์จแล้วเปอร์เซ็นต์แบตไม่ขึ้น" เนี่ย ส่วนใหญ่มักเกิดจากสาเหตุง่ายๆ ที่เราอาจจะคาดไม่ถึง และหลายครั้งก็ "แก้ได้เองที่บ้าน" แบบไม่ต้องเสียเงินสักบาท! บทความนี้จะมาเป็น "หมอจำเป็น" พาคุณไล่เช็คทีละจุดแบบง่ายๆ สบายๆ สไตล์เพื่อนคุยกัน ให้คุณลองกู้ชีพไอโฟนด้วยตัวเองดูก่อน ด้วยข้อมูลที่ น่าเชื่อถือ และทำตามได้จริงครับ!

"ผู้ต้องสงสัย" หลักๆ (ทำไมไอโฟนถึงงอแงเรื่องชาร์จ?)

มาดูกันก่อนว่าใครน่าจะเป็นตัวการทำให้ไอโฟนเราชาร์จไม่เข้า:

1.สายชาร์จ Lightning type c หรือ หัวชาร์จ (Adapter): จำเลยอันดับหนึ่งตลอดกาล! อาจจะเก่า, ขาดใน (มองข้างนอกไม่เห็น), เป็นของปลอม/ไม่ได้มาตรฐาน MFi, หรือหัวชาร์จเริ่มเสื่อมสภาพ

2."รูชาร์จ" ที่ตัวไอโฟน (Lightning Port): สกปรก! มีฝุ่น, ขนจากกระเป๋า, หรือเศษอะไรเล็กๆ เข้าไปอุดตัน ทำให้เสียบสายไม่สุด หรือหน้าสัมผัสไม่ดี

3.ปลั๊กไฟ / แหล่งจ่ายไฟ: ปลั๊กผนังหลวม? หรือช่อง USB ที่คอมฯ/ปลั๊กพ่วงจ่ายไฟไม่พอ?

4.ซอฟต์แวร์ (iOS) รวนชั่วคราว: บางทีเครื่องมันก็แค่ "เอ๋อ" นิดหน่อย

5.เครื่องร้อน หรือ เย็นเกินไป: ระบบป้องกันของไอโฟนจะตัดการชาร์จเพื่อความปลอดภัย

6.(พบน้อยกว่า) แบตเตอรี่เริ่มเสื่อม: ถ้าใช้ไอโฟนมานานหลายปี (2-3 ปีขึ้นไป)

7.(ร้ายแรงสุด ถ้าไม่เคยทำตก/โดนน้ำ) อะไหล่ข้างในมีปัญหา: เช่น พอร์ตชาร์จหลวม/เสีย, ชิปควบคุมการชาร์จ มีปัญหา

ปฏิบัติการ "กู้ชีพไอโฟน" (ลองเองทีละสเต็ปนะ! ง่ายๆ ก่อน)

สำคัญมาก: ค่อยๆ ลองทำตามลำดับนะครับ ถ้าหายก็จบตรงนั้นเลย ไม่ต้องทำข้อต่อไป!

1.เช็ค "คู่หูชาร์จ" (สาย Lightningหรือ TYPE C & หัวชาร์จ) - สำคัญสุด! เปลี่ยนลองดูก่อน!

ต้องลอง "ทั้งคู่" นะครับ! หา สาย Lightning หรือ TYPE C และ หัวชาร์จ (Adapter) ชุดอื่น ที่มั่นใจว่า:

เป็นของแท้ Apple หรือ ได้มาตรฐาน "MFi Certified" (Made for iPhone/iPad/iPod) เท่านั้น! สาย MFi จะมีชิปพิเศษที่สื่อสารกับ iPhone ได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย และชาร์จได้เต็มประสิทธิภาพ (สายปลอมถูกๆ เสี่ยงทำเครื่องพัง แถม iOS อาจจะบล็อกไม่ให้ชาร์จด้วย!)
หัวชาร์จมีกำลังไฟ (Watt) เพียงพอ: สำหรับ iPhone รุ่นใหม่ๆ (iPhone 8 ขึ้นไป) แนะนำหัวชาร์จ 20W ขึ้นไป เพื่อให้รองรับชาร์จเร็ว (Fast Charging)

ลองเปลี่ยน "ปลั๊กไฟ" หรือ "เต้ารับ" ด้วย เผื่อปลั๊กเดิมเสีย

(ถ้าเปลี่ยนชุดชาร์จแล้วหาย -> ชัดเลย! ปัญหาอยู่ที่สาย หรือ หัวชาร์จอันเก่า ไปซื้อใหม่แบบแท้/MFi นะครับ)

2."ล้วง แคะ แปรง" (เบาๆ นะ!) รูชาร์จ Lightning TYPE C ที่ไอโฟน 

ปัญหาเส้นผมบังภูเขาที่เจอบ่อยสุดๆ! เอาไฟฉายส่องดูในรูเสียบ Lightning ที่ตัวไอโฟนดีๆ ครับ อาจจะเจอ ขุยผ้าจากกระเป๋ากางเกง, ฝุ่น, หรือเศษกระดาษเล็กๆ อัดแน่นอยู่ข้างใน ทำให้เสียบสายชาร์จเข้าไปไม่สุด หรือหน้าสัมผัสทองแดงโดนบัง

วิธีทำความสะอาด (ต้องใจเย็น และเบามือสุดๆ):

ดีที่สุด: ใช้ ลมเป่าแรงๆ (เช่น ที่เป่าลมทำความสะอาดกล้อง/คีย์บอร์ด) เป่าเข้าไปไล่ฝุ่นออก

รองลงมา: ใช้ แปรงเล็กๆ ขนนุ่มๆ ที่แห้งและสะอาด (เช่น แปรงทาสีอันเล็กใหม่ๆ, แปรงสีฟันเด็กขนนุ่มที่ไม่ได้ใช้แล้ว) ค่อยๆ ปัดออกมาเบาๆ

ไม้ตาย (ถ้าจำเป็นจริงๆ และต้องมั่นใจว่ามือเบามาก): ใช้ "ไม้จิ้มฟันไม้" (ห้ามใช้โลหะเด็ดขาด!) ค่อยๆ เขี่ย เศษที่ติดแน่นออกมา อย่างระมัดระวังที่สุด! อย่าให้โดนแผงพินทองแดงข้างในเด็ดขาด!

ห้าม! ใช้ของเหลว หรือ สเปรย์ใดๆ ฉีดเข้าไปในพอร์ตเด็ดขาด!

3."ปลุก" น้องไอโฟน (รีสตาร์ท / บังคับรีสตาร์ท) 

บางทีเครื่องแค่อาจจะ "มึนๆ" หรือซอฟต์แวร์รวนชั่วคราว ลองรีสตาร์ทดูครับ:

รีสตาร์ทธรรมดา (ถ้าเครื่องยังตอบสนอง): กดปุ่ม Power ค้างไว้ (ปุ่มข้าง หรือ ปุ่มบน แล้วแต่รุ่น) > รอให้แถบ "เลื่อนเพื่อปิดเครื่อง" ขึ้นมา > เลื่อนปิดเครื่อง > รอสัก 30 วินาที > กดปุ่ม Power ค้างไว้เพื่อเปิดเครื่องใหม่

บังคับรีสตาร์ท (Force Restart - ถ้าเครื่องค้าง หรือ ไม่ตอบสนอง): วิธีนี้ ไม่ลบข้อมูล นะครับ แค่บังคับปิดเปิดใหม่ (วิธีทำต่างกันตามรุ่น):

iPhone 8, X, XS, XR, 11, 12, 13, 14, 15 (และรุ่นใหม่กว่าที่ไม่มีปุ่มโฮม):
กดปุ่ม เพิ่มเสียง 1 ที (แล้วปล่อยเร็วๆ)
กดปุ่ม ลดเสียง 1 ที (แล้วปล่อยเร็วๆ)
จากนั้น กดปุ่ม Power ด้านข้างค้างไว้ จนเห็นโลโก้ Apple ขึ้นมาแล้วค่อยปล่อยมือ
iPhone 7 / 7 Plus: กด ปุ่ม Power ด้านข้าง + ปุ่มลดเสียง ค้างไว้พร้อมกัน จนเห็นโลโก้ Apple
iPhone 6s / SE (รุ่น 1) / และรุ่นเก่ากว่าที่มีปุ่มโฮม: กด ปุ่ม Power (ด้านบน/ด้านข้าง) + ปุ่มโฮม ค้างไว้พร้อมกัน จนเห็นโลโก้ Apple

4.อัปเดต iOS (ถ้าเครื่องยังเปิดติดและต่อ Wi-Fi ได้) (Update iOS)

บางที Bug ใน iOS เวอร์ชันเก่าอาจเป็นสาเหตุ ลองเข้าไปที่ Settings (การตั้งค่า) > General (ทั่วไป) > Software Update (รายการอัปเดตซอฟต์แวร์) ดูว่ามีเวอร์ชันใหม่ให้อัปเดตไหม ถ้ามีก็กดอัปเดตเลยครับ (อย่าลืมต่อ Wi-Fi และแบตฯ ควรมีเกิน 50%)

5.ปิด "การชาร์จเพื่อถนอมแบตเตอรี่" ชั่วคราว 

ฟีเจอร์นี้ของ Apple ฉลาดมาก มันจะเรียนรู้พฤติกรรมการชาร์จของเรา แล้วจะชะลอการชาร์จเมื่อใกล้เต็ม (เช่น ชาร์จถึง 80% เร็ว แล้วค่อยๆ ชาร์จช้าๆ จนเต็มก่อนเวลาที่เรามักจะถอดสาย) เพื่อถนอมแบตฯ บางทีอาจทำให้ดูเหมือนชาร์จช้าช่วงท้ายๆ หรือเปอร์เซ็นต์ไม่ขึ้นเร็ว

ลองปิดชั่วคราวเพื่อทดสอบดูได้ที่ Settings (การตั้งค่า) > Battery (แบตเตอรี่) > Battery Health & Charging (สุขภาพแบตเตอรี่และการชาร์จ) > ปิด "Optimized Battery Charging" แล้วลองชาร์จดูใหม่ (ถ้าแก้ปัญหาได้ ค่อยกลับมาเปิดทีหลังก็ได้ครับ)

6. เครื่องร้อน/เย็นไปรึเปล่า?

ไอโฟนมีระบบป้องกัน ถ้าเครื่อง ร้อนจัด (เช่น วางตากแดด, เล่นเกมหนักๆ ตอนชาร์จ) หรือ เย็นจัด มันจะ หยุดหรือชะลอการชาร์จ เพื่อความปลอดภัย

วิธีแก้: วางเครื่องไว้ในที่อุณหภูมิห้องปกติ (0-35°C ตามที่ Apple แนะนำ) สักพัก ให้เครื่องเย็นลงหรืออุ่นขึ้น แล้วค่อยลองเสียบชาร์จใหม่ (ถอดเคสออกช่วยระบายความร้อนได้ด้วยนะ)

7.แอบดู "แถบวัดความชื้น" 

ในถาดใส่ซิมของไอโฟน จะมีแถบเล็กๆ สีขาว (LCI) อยู่ ถ้ามัน เปลี่ยนเป็นสีแดงหรือชมพู แปลว่าเครื่องอาจจะเคยโดนความชื้นหรือน้ำมา ซึ่งอาจทำให้ระบบชาร์จมีปัญหาได้  (กรณีนี้ มักจะต้องส่งศูนย์อย่างเดียว)

8.ลอง "ชาร์จไร้สาย" (ถ้าไอโฟนรุ่นนั้นรองรับ Wireless Charging) 

ถ้าไอโฟนของคุณ (ตั้งแต่ iPhone 8 ขึ้นไป) รองรับการชาร์จไร้สาย ลองวางบนแท่นชาร์จไร้สาย (Qi Charger) ดูครับ

ถ้าชาร์จไร้สายเข้าปกติ -> เป็นไปได้สูงว่า "พอร์ต Lightning" หรือวงจรที่เกี่ยวกับพอร์ตอาจจะมีปัญหา

ถ้าชาร์จไร้สายก็ไม่เข้าเหมือนกัน -> ปัญหาอาจจะอยู่ที่แบตเตอรี่ หรือเมนบอร์ด

9.เช็ค "สุขภาพแบตเตอรี่" (Battery Health)

เข้าไปที่ Settings (การตั้งค่า) > Battery (แบตเตอรี่) > Battery Health & Charging (สุขภาพแบตเตอรี่และการชาร์จ)

ดูที่ "Maximum Capacity" (ความจุสูงสุด) ถ้ามัน ต่ำกว่า 80% มากๆ หรือขึ้นว่า "Service" (เข้ารับบริการ) แปลว่าแบตเตอรี่เริ่มเสื่อมสภาพมากแล้ว อาจถึงเวลาต้องเปลี่ยนแบตก้อนใหม่ครับ

10. (ถ้าใจถึง และ Backup ข้อมูลแล้ว) "รีเซ็ตการตั้งค่าทั้งหมด" (Reset All Settings)

วิธีนี้ไม่ลบข้อมูลส่วนตัว (รูป, แอปฯ, เพลง) นะครับ! แค่คืนค่า Settings ต่างๆ ของเครื่อง (Wi-Fi, Bluetooth, หน้าจอ, เสียง ฯลฯ) ให้กลับไปเป็นค่าเริ่มต้นเหมือนตอนซื้อมาใหม่ๆ

อาจช่วยแก้ปัญหาถ้ามีการตั้งค่าอะไรบางอย่างผิดเพี้ยนไปขัดขวางการชาร์จ: ไปที่ Settings (การตั้งค่า) > General (ทั่วไป) > Transfer or Reset iPhone (ถ่ายโอนหรือรีเซ็ต iPhone) > Reset (รีเซ็ต) > เลือก "Reset All Settings (รีเซ็ตการตั้งค่าทั้งหมด)" แล้วใส่รหัสผ่านยืนยัน

ทำทุกทางแล้ว...ยังเฉย? ถึงเวลาส่ง "หมอ" (ศูนย์ Apple) แล้วล่ะ!

ถ้าคุณลองครบทุกสเต็ปที่เราแนะนำแล้ว ไอโฟนก็ยังคงชาร์จไม่เข้าเหมือนเดิม หรือคุณสังเกตเห็นอาการเหล่านี้:

️ รูชาร์จ Lightning ดูเบี้ยวๆ งอๆ หรือหลวมผิดปกติ
️ หน้าจอแตก หรือตัวเครื่องมีร่องรอยเสียหายรุนแรง
️ เครื่อง "บวม"! (อันตรายมาก! หยุดใช้งานทันที และรีบนำไปศูนย์โดยด่วน!)
️ เสียบชาร์จแล้ว เครื่องร้อนจัดผิดปกติ หรือมีกลิ่นไหม้
️ แถบวัดความชื้น (LCI) เปลี่ยนเป็นสีแดง
️ แบตเตอรี่เสื่อมสภาพชัดเจน ตามที่เช็คใน Battery Health

แนะนำให้นำเครื่องไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจเช็คครับ:

ดีที่สุดและชัวร์ที่สุด: Apple Store (Iconsiam / CentralWorld) หรือ ศูนย์บริการที่ได้รับการแต่งตั้งจาก Apple (AASP) เช่น iCare  ช่างจะมีความรู้และเครื่องมือที่ถูกต้องในการวินิจฉัยและซ่อมแซม
ค่าซ่อมแพงไหมนะ? "อันนี้แล้วแต่อาการเลยครับ" ถ้าแค่ทำความสะอาดพอร์ตก็อาจจะไม่เสียเงินหรือเสียน้อยมาก แต่ถ้าต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ เปลี่ยนพอร์ตชาร์จ หรือซ่อมเมนบอร์ด ราคาก็จะสูงขึ้นตามลำดับ ทางที่ดีควรให้ศูนย์ประเมินราคาก่อนซ่อมเสมอครับ

ป้องกันไว้ดีกว่า (จะได้ไม่เจอปัญหาชาร์จไม่เข้าบ่อยๆ)

ใช้ สายชาร์จและหัวชาร์จ "ของแท้ Apple" หรือ "ที่ได้มาตรฐาน MFi Certified" เท่านั้น!

อย่าปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยง (0%) บ่อยๆ ชาร์จเมื่อเหลือสัก 20-30% ก็ได้ครับ
อย่าชาร์จไป เล่นเกมหนักๆ หรือใช้งานเครื่องหนักๆ ไปพร้อมกันบ่อยๆ (ทำให้เครื่องร้อน แบตเสื่อมไว)
ระมัดระวังเรื่องความชื้น และอย่าทำไอโฟนตกหล่นบ่อยๆ
หมั่นทำความสะอาดรูชาร์จ Lightning บ้างเป็นครั้งคราว (ด้วยวิธีที่ปลอดภัย)

บทสรุป: ส่วนใหญ่แก้ได้เอง...ถ้าใจเย็นๆ เช็คถูกจุด!

ปัญหาไอโฟนชาร์จไม่เข้า แม้จะดูน่าตกใจ แต่ บ่อยครั้งเกิดจากสาเหตุง่ายๆ ที่เราสามารถแก้ไขเองได้ อย่างสายชาร์จ, หัวชาร์จ, พอร์ตสกปรก, หรือแค่ซอฟต์แวร์รวนชั่วคราว ลองใจเย็นๆ ไล่เช็คตามขั้นตอนง่ายๆ ที่เราแนะนำดูก่อนนะครับ

แต่ถ้าเจอ สัญญาณอันตราย (โดยเฉพาะแบตบวม!) หรือลองแก้ทุกวิธีแล้วยังไม่สำเร็จจริงๆ การนำเครื่องไปให้ ผู้เชี่ยวชาญที่ไว้ใจได้ ตรวจเช็ค คือทางออกที่ดีที่สุด เพื่อความปลอดภัยของทั้งตัวคุณและไอโฟนสุดที่รักของคุณครับ ขอให้โชคดี กู้ชีพน้องไอโฟนสำเร็จนะครับ!


บทความที่เกี่ยวข้อง
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ