แชร์

สายชาร์จ type c ชาร์จไม่เข้า เพราะอะไร

อัพเดทล่าสุด: 14 พ.ค. 2025
54 ผู้เข้าชม

โอ๊ยยย! กำลังจะชาร์จมือถือ/โน้ตบุ๊กคู่ใจที่ใช้หัวต่อ USB Type-C สุดเท่ (ที่เค้าว่ากันว่าเสียบด้านไหนก็เข้า...จริงป่ะ? ) แต่เสียบปุ๊บ...เงียบกริบ! ไฟไม่กระดิก! แบตไม่ขึ้น! เพื่อนๆ เคยเป็นป่ะ?  ไอ้โมเมนต์ที่แบตก็จะหมด งานก็ต้องทำ แต่สายชาร์จดันมาทรยศกันซะงั้น! หัวร้อนสุดๆ!

แต่ช้าก่อน! อย่าเพิ่งปาหัวชาร์จทิ้ง หรือคิดว่าเครื่องพังไปแล้ว! ในฐานะที่เจ๊ (หรือพี่ก็ได้นะ ) ซ่อมคอมฯ แก้ปัญหามือถือให้เพื่อนๆ มานับไม่ถ้วน  ขอบอกเลยว่า 90% ของอาการ "Type-C ชาร์จไม่เข้า" เนี่ย มันเกิดจากเรื่องเส้นผมบังภูเขาที่เราอาจจะลืมเช็ค! วันนี้จะมาแฉ เอ๊ย! มาแชร์วิธีไล่เช็คแบบง่ายๆ สไตล์บ้านๆ ให้ลองทำตามกันก่อน รับรองว่าข้อมูล เป๊ะปัง เชื่อถือได้ ไม่ต้องเสียเงินซ่อมโดยใช่เหตุ!

"ทำไม Type-C ของฉันถึงชาร์จไม่เข้า?" (มาส่อง "ผู้ต้องสงสัย" ตัวแสบกัน!)

ก่อนจะไปรื้อเครื่อง มาดูกันก่อนว่าใครน่าจะเป็น "ตัวการ" หลักๆ:

1.สายชาร์จ Type-C เองนั่นแหละ! (จำเลยเบอร์ 1 ตลอดกาล): อาจจะเก่าไป, ข้างในขาด (มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า), เป็นของถูกๆ คุณภาพไม่ดี, หรือหัวมันสกปรก/หลวมไปแล้ว

2.หัวชาร์จ (Adapter / ไอ้ก้อนสี่เหลี่ยมที่เสียบปลั๊ก): อาจจะเดี้ยงไปแล้ว, จ่ายไฟไม่พอดีกับที่เครื่องเราต้องการ (เช่น วัตต์ต่ำไป), หรือเป็นของที่ไม่ได้มาตรฐาน (อันนี้น่ากลัว)

3."รูเสียบ Type-C: (อันนี้ตัวดีเลย!) ฝุ่นเข้าไปอุด, ขนแมว, เศษขนม, หรืออะไรต่อมิอะไรจากกระเป๋าเรานี่แหละ เข้าไปนอนเล่นอยู่ในรู!

4.ปลั๊กไฟ / แหล่งจ่ายไฟอื่นๆ: ปลั๊กผนังมันหลวมหรือเปล่า? หรือช่อง USB ที่คอมฯ/ปลั๊กพ่วงมันจ่ายไฟไม่พอ?

5.ซอฟต์แวร์ในเครื่องเรามัน "เอ๋อ" ชั่วคราว: บางทีมันก็แค่มึนๆ งงๆ

6.เครื่องมันร้อน หรือ เย็นเกินไป: มือถือ/โน้ตบุ๊กฉลาดนะ ถ้าอุณหภูมิไม่โอเค มันตัดไม่ให้ชาร์จเลย

7.(อันนี้ถ้าใช้มานานจัด) แบตเตอรี่อาจจะเริ่ม "ไป" แล้ว: แต่ส่วนใหญ่มักจะไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้ชาร์จ "ไม่เข้าเลย"

8.(อันนี้ถ้าซวยจริง หรือทำตก/โดนน้ำมา) อะไหล่ข้างในอาจจะมีปัญหา: เช่น ชิปควบคุมการชาร์จ

"ปฏิบัติการกู้ชีพ Type-C" (ลองเองก่อนนะเพื่อน ทีละสเต็ป ไม่ยาก!) สำคัญสุด: ใจเย็นๆ ค่อยๆ ลองทำทีละข้อนะจ๊ะ!

Step 1: "เปลี่ยนสายชาร์จ" ด่วนๆ!

ขอย้ำ! ไม่ใช่สาย Type-C ทุกเส้นบนโลกนี้จะเหมือนกันเด้อ!

สายถูกๆ เส้นละไม่กี่สิบบาท อาจจะ ชาร์จได้อย่างเดียว (โอนข้อมูลไม่ได้) หรือ จ่ายไฟได้อ่อนมากกกก ทำให้ชาร์จช้าเป็นเต่า หรือไม่ขึ้น "ชาร์จด่วน" (Fast Charging)

ถ้าจะชาร์จเร็วแบบ PD (Power Delivery) ที่มือถือ/โน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ๆ ใช้กัน โดยเฉพาะพวกวัตต์สูงๆ (60W, 100W) สาย Type-C to C มันต้องมี "คุณภาพ" และอาจจะต้องมี "ชิป E-Marker" ข้างในด้วยนะ! ถึงจะ "คุย" กับหัวชาร์จและเครื่องรู้เรื่อง และปล่อยไฟแรงๆ ได้อย่างปลอดภัย

ทำไงดี?: "หยิบสาย Type-C เส้นอื่นมาลองก่อนเลย!" เอาเส้นที่มั่นใจว่า "ยังดี" และ "สเปกถึง" (ถ้ามีหลายเส้น ลองให้หมด)
(ถ้าเปลี่ยนสายแล้วไฟติด ชาร์จเข้า -> ดีใจด้วย! เจอตัวปัญหาแล้ว! ทิ้งสายเก่าไปซื้อเส้นใหม่ดีๆ ได้เลย!)

Step 2: "หัวชาร์จ" (อะแดปเตอร์) ก็เช็คด้วย!

ถ้าเปลี่ยนสายแล้วยังนิ่ง ลองดูที่หัวชาร์จต่อ:

ทำไมล่ะ?: หัวชาร์จก็มีวันลาโลกได้เหมือนกัน หรือบางทีเราอาจจะหยิบหัวที่ "วัตต์ (W) ไม่พอ" มาใช้ (เช่น เอาหัวชาร์จมือถือ 20W ไปพยายามชาร์จโน้ตบุ๊กที่ต้องการ 65W...มันก็ไม่ไหวเด้อ!) หรือหัวนั้นมัน "ไม่รองรับมาตรฐานชาร์จเร็ว" ที่เครื่องเราใช้ (เช่น เครื่องเรารอ PD แต่หัวชาร์จเป็น QC รุ่นเก่า)

ทำไงดี?: ลองเอา หัวชาร์จอันอื่น ที่มั่นใจว่า:
วัตต์ (W) พอดีหรือสูงกว่า ที่เครื่องเราต้องการ
รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบเดียวกับเครื่องเรา (เช่น USB PD)
เป็นของแท้ หรือ ยี่ห้อที่ไว้ใจได้ และมี "มอก." ด้วยนะ! (สำหรับในไทย)
ลองเปลี่ยน "ปลั๊กไฟ" หรือ "เต้ารับ" ด้วย เผื่อปลั๊กที่ใช้อยู่มันหลวม หรือไฟไม่เดิน

Step 3: "รู Type-C" ทั้งสองฝั่ง (ที่สาย & ที่เครื่อง) ส่องดูหน่อยซิ!

ฝุ่น! ขน! เศษขนม! นี่แหละตัวการที่คาดไม่ถึง! มันเข้าไปอุด ทำให้เสียบสายไม่สุด หรือหน้าสัมผัสทองแดงเล็กๆ ข้างในมันโดนบัง ไฟเลยเดินไม่สะดวก

วิธีทำความสะอาด (ย้ำ! ต้องเบามือสุดๆ และใจเย็นๆ):

ดีที่สุด: ใช้ ลมเป่าแรงๆ (ที่เป่าลมทำความสะอาดกล้อง/คีย์บอร์ดนั่นแหละ) เป่าเข้าไปไล่ฝุ่นออก ทั้งรูที่เครื่อง และรูที่หัวสาย Type-C ทั้งสองด้านเลยนะ
รองลงมา: ใช้ แปรงเล็กๆ ขนนุ่มๆ ที่แห้งและสะอาด (แปรงทาสีอันเล็กใหม่ๆ หรือแปรงสีฟันเด็กขนนุ่มที่ไม่ได้ใช้แล้ว) ค่อยๆ ปัดๆ เขี่ยๆ ออกมาเบาๆ
ถ้ามันติดแน่นจริงๆ (และมั่นใจว่ามือเบามาก): อาจจะลองใช้ "ไม้จิ้มฟันไม้" (ย้ำ! ไม้เท่านั้น ห้ามโลหะเด็ดขาด!) ค่อยๆ เขี่ย เศษที่อัดแน่นออกมา แบบเบาที่สุด! อย่าไปขูดไปขีดโดนแผงพินทองแดงข้างในล่ะ เดี๋ยวจะงานเข้ากว่าเดิม!
ขอร้องล่ะเพื่อน...อย่า! อย่า! อย่า! เอาของเหลว หรือ สเปรย์ใดๆ ฉีดเข้าไปในรูเด็ดขาด!

Step 4: "รีสตาร์ท" อุปกรณ์ทั้งหมด!

บางทีทั้งมือถือ/โน้ตบุ๊ก หรือแม้แต่หัวชาร์จอัจฉริยะบางรุ่น มันก็แค่ "แฮงค์" หรือ "รวน" ชั่วคราว:

ลอง "รีสตาร์ท" (Restart) มือถือ / แท็บเล็ต / โน้ตบุ๊ก ของคุณดูก่อนเลยครับ (ปิดแล้วเปิดใหม่นั่นแหละ)
(ถ้าเป็นไปได้) ลอง ถอดปลั๊กหัวชาร์จออกจากเต้ารับ ทิ้งไว้สักพัก (1-2 นาที) แล้วค่อยเสียบใหม่ (เหมือนเป็นการรีเซ็ตหัวชาร์จไปในตัว)

Step 5: เครื่องร้อนไป หรือ เย็นเจี๊ยบไปหรือเปล่า?

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เดี๋ยวนี้มันฉลาดนะ ถ้าเครื่อง ร้อนจัด (เช่น ชาร์จไปเล่นเกมโหดๆ ไปด้วย หรือวางตากแดดเปรี้ยงๆ) หรือ เย็นจัด ระบบมันอาจจะ ตัดไม่ให้ชาร์จชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของแบตเตอรี่
ทำไงดี?: วางเครื่องไว้ในที่อุณหภูมิห้องปกติสักพัก ให้เครื่องมันเย็นลงหรืออุ่นขึ้น แล้วค่อยลองเสียบชาร์จใหม่ (ถอดเคสออกก็ช่วยให้เครื่องเย็นเร็วขึ้นนะ)

Step 6: เช็ค Software / Settings (เผื่อมีอะไรเพี้ยนๆ ซ่อนอยู่)

มี Software Update ค้างอยู่ไหม?: เข้าไปเช็คใน Settings ของอุปกรณ์คุณ (iOS, Android, Windows, macOS) ถ้ามีเวอร์ชันใหม่ให้อัปเดต ลองอัปเดตดูครับ อาจจะแก้ Bug แปลกๆ ที่เกี่ยวกับการชาร์จได้
ดู Setting แบตเตอรี่: มือถือ/โน้ตบุ๊กบางรุ่นมีฟีเจอร์ "ชาร์จถนอมแบตฯ" (Optimized/Adaptive Charging) หรือโหมดประหยัดพลังงานขั้นสุด ที่อาจทำให้ดูเหมือนชาร์จช้าหรือหยุดชาร์จเมื่อใกล้เต็ม ลองตรวจสอบดู แล้วปิดชั่วคราวเพื่อทดสอบดูได้

"เรื่องต้องรู้" เกี่ยวกับสาย & หัวชาร์จ Type-C (จะได้เลือกเป็น ไม่โดนหลอก!)

USB PD (Power Delivery) มันคืออะไร (แบบง่ายๆ): มันคือ "มาตรฐานกลาง" ในการชาร์จเร็วผ่านพอร์ต USB-C ที่ "ฉลาด" มาก เพราะหัวชาร์จ, สาย, และอุปกรณ์มันจะ "คุยกัน" ตลอดเวลา เพื่อจ่ายไฟในระดับที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด ไม่ใช่แค่ "อัดไฟแรงๆ" เข้าไปดื้อๆ

"วัตต์" (W) สำคัญยังไง: บอก "กำลังไฟ" ที่จ่ายได้ ยิ่ง W สูง ก็มีโอกาสชาร์จได้เร็ว (ถ้าอุปกรณ์เรารับไหว) มือถืออาจต้องการ 20W-65W, โน้ตบุ๊กอาจต้องการ 45W-100W หรือมากกว่านั้น

สาย "5A" / "E-Marker Chip": สำหรับการชาร์จเร็ว PD ที่กำลังไฟสูงๆ (เช่น เกิน 60W หรือกระแสไฟเกิน 3A อย่างการชาร์จโน้ตบุ๊ก หรือมือถือ Samsung 45W) สาย USB-C to C มัน "ต้อง" รองรับกระแสไฟ 5A และมักจะมีชิป E-Marker ฝังอยู่ข้างใน เพื่อบอกหัวชาร์จกับเครื่องว่า "ฉันส่งไฟแรงๆ ไหวนะจ๊ะ ปลอดภัย!" ถ้าใช้สายธรรมดาที่ไม่รองรับ อาจจะชาร์จได้ช้า หรือได้ความเร็วไม่เต็มที่

ถ้าลองหมดทุกทางแล้ว...ยังชาร์จไม่เข้าเหมือนเดิม? อาจจะต้องพึ่งช่างแล้วล่ะ

ถ้าเพื่อนๆ ลองทุกสเต็ปที่เราแนะนำแล้ว เจ้า Type-C สุดที่รักก็ยังคงนอนนิ่ง ไม่ยอมชาร์จ หรือสังเกตเห็นอาการเหล่านี้:

️ รูเสียบ Type-C ที่ตัวเครื่องดูหลวมโพรก, โยกเยก, หรือมีรอยไหม้/เสียหายแบบเห็นได้ชัด
️ ตัวเครื่อง/แบตเตอรี่ "บวม" เป่ง! (อันนี้อันตรายสุดๆ! หยุดใช้ทันที แล้วรีบเอาไปให้ช่างดูด่วน!)
️ เคยทำเครื่องตกน้ำ หรือตกกระแทกแรงๆ มาก่อนหน้านี้
️ เสียบชาร์จแล้วเครื่องร้อนจัดผิดปกติ หรือมีกลิ่นไหม้แปลกๆ โชยมา

ถึงเวลาพาไปหา "หมอ" ผู้เชี่ยวชาญแล้วครับ:

ดีที่สุด: นำเครื่องไปที่ ศูนย์บริการของแบรนด์นั้นๆ โดยตรง (เช่น Apple Store/AASP สำหรับ iPhone/iPad/MacBook, Samsung Service Center, OPPO Service Center ฯลฯ) หรือร้านซ่อมที่มีความน่าเชื่อถือและมีช่างที่ชำนาญจริงๆ

ใช้ สายชาร์จและหัวชาร์จ "คุณภาพดี" มีมาตรฐาน เสมอ (สำหรับหัวชาร์จในไทย ควรมองหาเครื่องหมาย มอก. ด้วยนะครับ!)

เสียบ-ถอดสายชาร์จเบาๆ ตรงๆ อย่ากระชาก อย่าบิด อย่าฝืน!
อย่าปล่อยให้รูชาร์จสกปรกนานๆ หมั่นเป่าฝุ่นออกบ้าง
อย่าใช้สายที่เริ่มเปื่อย ขาด หรือหัวต่อหลวมแล้ว เปลี่ยนใหม่ดีกว่าครับ ปลอดภัยกว่าเยอะ

บทสรุป: Type-C มันสะดวกจริงนะ แต่ต้องเข้าใจน้องเค้านิดนึง!

ปัญหา "สาย Type-C ชาร์จไม่เข้า" แม้จะดูน่าตกใจ แต่ ส่วนใหญ่มักเกิดจากเรื่องง่ายๆ ที่เราแก้ไขเองได้ อย่างสายชาร์จ, หัวชาร์จ, พอร์ตสกปรก, หรือแค่ซอฟต์แวร์รวนชั่วคราว ลองใจเย็นๆ ไล่เช็คตามขั้นตอนง่ายๆ ที่เราแนะนำดูก่อนนะครับ

การเลือกใช้ อุปกรณ์ชาร์จ (ทั้งสายและหัว) ที่มีคุณภาพและ "เข้ากันได้" กับอุปกรณ์ของเรา  คือหัวใจสำคัญที่สุดที่จะทำให้การชาร์จผ่าน Type-C ทั้งเร็ว แรง และปลอดภัย หวังว่าคู่มือฉบับเพื่อนซี้คนนี้ จะช่วยให้เพื่อนๆ แก้ปัญหาและใช้งาน Type-C ได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องหัวร้อนอีกต่อไปนะครับ!


บทความที่เกี่ยวข้อง
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ